24 ตค 38 วันนี้ในอดีต ปรากฎการณ์สุริยคราส

วันนี้ในอดีต ย้อนเรื่องราวความประทับใจของสุริยุปราคาเต็มดวงในประเทศไทย เมื่อ 22 ปีก่อน

               คนรุ่นนั้นจะรู้ดีว่า ข่าวนี้ดังไปทั่วประเทศ  เพราะเป็นวันที่เกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญมาก นั่นคือ การเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงในรอบ 40 ปี หรือการเกิด “สุริยคราส”

               โดยที่ผ่านมา สุริยคราส (เต็มดวง) ที่เห็นได้ในประเทศไทยที่บันทึกกันไว้มีเพียง 5 ครั้ง ครั้งแรก คือ สุริยคราสที่ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 18 สิงหาคม 2411 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ครั้งที่ 2 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2418 ที่แหลมเจ้าลาย จ.เพชรบุรี

               ครั้งที่ 3 เกิดในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2472 ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ครั้งที่ 4 และ 5 เกิดในสมัยรัชกาที่ 9 คือเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2498 ที่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา

               และครั้งล่าสุด คือครั้งนี้นั่นเองในวันที่ 24 ตุลาคม 2538

               สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงครั้งล่าสุดนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดเงามืดของดวงจันทร์บนพื้นโลก

               โดยปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนั้นได้เกิดเงามืดเคลื่อนผ่านและเห็นเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงในเขต 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิจิตร จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเห็นเต็มดวงนาน 1 นาที 52 วินาที

               ส่วนกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ เห็นเป็นสุริยุปราคาแบบบางส่วน โดยกรุงเทพมหานครเห็นเป็นบางส่วน 96%

               ครั้งนั้น ประชาชน นักท่องเที่ยวและนักดาราศาสตร์ ต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ หลังได้เห็นแสงเปล่งประกายระยิบระยับ หรือที่เรียกว่า “ลูกปัดเบลลี่” และแสงสว่างคล้ายหัวแหวน ที่เรียกว่าปรากฎการณ์ “หัวแหวนเพชร หรือ “ไดมอนด์ริง” ที่เกิดจากแสงดวงอาทิตย์ลอดผ่านช่องภูเขาบนดวงจันทร์ ที่เกิดขึ้นเพียง 2-3 นาทีและถือเป็นไฮไลท์ ก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคา หรือ สุริยคราสเต็มดวง” เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2538 ในเวลา 10.42 น.

               หลายคนที่มีโอกาสได้ดูในครั้งนั้น คงจำบรรยากาศที่ท้องฟ้า เปลี่ยนจากสว่างจ้ากลายเป็นมืดมิดคล้ายกลางคืน อุณหภูมิกลางวันที่ร้อนอบอ้าว ลดลงอย่างรวดเร็ว

               คนไทยที่มีความเชื่อ พากันตีเกราะเคาะไม้ จุดประทัดเป็นให้ดวงจันทร์คายดวงอาทิตย์ และเด็กที่เกิดในวันนั้น พ่อแม่ มักจะตั้งชื่อสุริยา, สุริยะ, รวิ, รวี ที่แปลว่าพระอาทิตย์ด้วย

               ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทอดพระเนตร ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิทยาเขตสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา

ขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก



เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แสดงความคิดเห็น