APO โรดโชว์ เดินหน้าให้ข้อมูลนักลงทุน 5 จังหวัดโชว์ศักยภาพธุรกิจ โอกาสเติบโตสูง

APO โรดโชว์ เดินหน้าให้ข้อมูลนักลงทุน 5 จังหวัดโชว์ศักยภาพธุรกิจ โอกาสเติบโตสูง

 

“เอเชียนน้ำมันปาล์ม” หรือ APO ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จับมือ APM – KINGSFORD เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลธุรกิจ และ ข้อมูลทางการเงิน แก่นักลงทุน 5 จังหวัดทั่วประเทศ 11 – 18 มี.ค. นี้ ที่ปรึกษาการเงิน มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง นักลงทุนให้ความสนใจ ก่อนเตรียมขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai
เมื่อค่ำวันที่ 12 มีนาคม 2567 ห้องประชุมออคิดบอลรูม โรงแรมพูลแมนขอนแก่น  ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน  เป็นประธานเปิด การนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุนจังหวัดขอนแก่น ของบริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (APO) โดยมี นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ,นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ,นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO ,นายชานนท์ ปิยสุนทร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ KFS นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมรับฟัง
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (APO) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน หรือ โรดโชว์ เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO  จำนวน 100 ล้านหุ้น โดยมีกำหนดการเดินทางทั้งสิ้น 5 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา และ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 11 มีนาคม – 18 มีนาคม 2567


นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก APO มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของกลุ่มผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารที่สืบทอดกิจการกันรุ่นต่อรุ่นตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี โดยนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีปัจจุบันมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่น
ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีทิศทางขยายตัวตามความต้องการทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทตั้งอยู่ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งอยู่ในภาคใต้ของประเทศที่มีพื้นที่ผลผลิตปาล์มสดหนาแน่น มีเนื้อที่เพาะปลูกประมาณ 5.37 ล้านไร่ คิดเป็น 85.91 % ของเนื้อที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันของประเทศไทย จึงมั่นใจว่า APO จะเป็นธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูง


ปัจจุบัน APO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 120 ล้านบาท เตรียมเพิ่มทุนอีก 50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนหลัง IPO ที่ 170 ล้านบาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น สัดส่วนหุ้นที่เสนอขายคิดเป็น 29.41% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในหมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (APO) เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และใช้ในกระบวนการผลิตของบริษัท
นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Asian Plus+ ให้ความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริมเกษตรกร นำผลปาล์มที่มีคุณภาพมาจำหน่ายให้กับบริษัท ส่งผลให้อัตราการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (OER)  ของบริษัทอยู่ในอันดับต้นของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จากการจัดอันดับของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่
ทั้งนี้บริษัทมีความมุ่งมั่นสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ ผู้ผลิตขั้นปลายน้ำ หรือโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ประมาณ 53.06% กลุ่มลูกค้ารองของบริษัท ได้แก่ กลุ่มจัดหาและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ (Trader) 35.61% และกลุ่มโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 11.33%
สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมในปี 2564 – 2566 อยู่ที่ 1,061.70 ล้านบาท 2,091.93 ล้านบาท และ 1,526.06 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 12.33 ล้านบาท 28.25 ล้านบาท และ 12.99 ล้านบาท ตามลำดับ.



เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แสดงความคิดเห็น